#navbar { display:none; }

รักทักษิณ

รักทักษิณ

.

.
ผมไปร่วมสัมนาระดมสมอง

.

.
ทุ่นตรวจวัดภัยธรรมชาติ

แปลภาษา

วันพุธที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ออกกติกาค้าปลีกค้าส่งขอทุกฝ่ายอยู่ร่วมกันได้

วันที่ พุธ สิงหาคม 2550
พิมพ์หน้านี้ | ดูบล๊อกอื่นๆ ที่ OKnation


 สมาคมพัฒนาผู้บริโภคไทย ร่วมกับคณะกรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภค สภานิติบัญญัติแห่งชาติ จัดเวทีสาธารณะ ผ่าโครงสร้าร่างกฎหมายค้าปลีกค่าส่ง: สู่ประโยชน์ผู้บริโภค โดยเชิญนักวิชาการจากส่วนกลางและท้องถิ่นมาสะท้อนความคิดเห็น โดยมี      ประชาชนชาวภูเก็ตในภาคส่วนต่าง ๆ เช่น ผู้นำชุมชนท้องถิ่น สมาชิกเครือข่ายการคุ้มครองผู้บริโภค ผู้ประกอบกาค้าปลีกค้าสื่อมวลชน เข้าร่วมจำนวนประมาณ 200 คน เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2550 ที่ผ่านมา ที่โรงแรมภูเก็ตเมอร์ลิน อ.เมือง จ.ภูเก็ต

นายชาตวิทย์ มงคลแสง นายกสมาคมพัฒนาผู้บริโภคไทย กล่าวว่า การเปิดเวทีสาธารณะดังกล่าว ถือเป็นครั้งที่ 4 เพื่อส่งเสริมผู้บริโภคให้เข้าใจสิทธิของตนโดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับพระราช บัญญัติฉบับนี้ สนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชนในภาคปฏิบัติ รณรงค์ให้รัฐบาลเห็นความสำคัญ ของการออกกฎหมายที่เกี่ยวของกับผลประโยชน์ของผู้บริโภค เพื่อให้ความรู้ที่ถูกต้องในเรื่องของกระบวนการทางนิติบัญญัติ แก่ประชาชน รวม ถึงเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข่าวสาร เพื่อสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างภาครัฐ ประกอบการและร้านโชวห่วยในต่างจังหวัดหรือทั่วประเทศ รวมทั้งเพื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ผู้เข้าร่วมสัมมนา แล้วนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีและสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
ด้วย ตระหนักดีว่า ประชาชนผู้บริโภคทุกภาคส่วน ต้องมีส่วนร่วมในการเสนอความคิดเห็นอย่างกว้างขวางทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ ต่อร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ อย่างน้อยสุด เพื่อกำหนดสาระสำคัญให้การบัญญัติกฎหมายการประกอบธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง ได้เกิดประโยชน์สูงสุด กับประชาชนผู้บริโภคคนไทยโดยตรง และเป็นการสร้างวัฒนธรรมประชาธิปไตยที่มีคุณค่า คุณภาพ โดยยึดถือประชาชนผู้บริโภคมีส่วนร่วมกระบวนการตรากฎหมายเป็นหลักสำคัญ จนเสร็จสิ้นกระบวนการ

ดร.วิญญู วีรยางกูร ประธานโปรแกรมบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยราชภัฎภูเก็ต กล่าวว่า สำหรับการควบคุมตาม พ.ร.บ.ดังกล่าวนั้นก็ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ไม้แข็ง เพียงแต่ให้เกิดการเคลื่อนย้ายที่ช้าลง ในลักษณะค่อยเป็นค่อยไปตามธรรมชาติ เพื่อให้อยู่ร่วมกันได้ทั้งค้าปลีกค้าส่งและโชว์ห่วย ไม่ใช่ เมื่อค้าปลีกค้าส่งเข้ามาแล้วเป็นยักษ์ใหญ่หรือกำแพงกั้น แต่ควรจะเป็นหัวเรือใหญ่ที่เอื้อต่อรายย่อยในลักษณะพึ่งพาซึ่งกันและกัน ก็จะเป็นผลดีและทั้งสองฝ่ายทำให้อยู่ร่วมกันได้ ส่วนพ.ร.บ.จะออกในปีนี้เลยหรือไม่นั้น คิดว่า หากจะออกใช้ในปีหน้าก็คงไม่มีปัญหาอะไร
ดร.อธิวัฒน์ สินรัชตานนท์ นักวิชาการอิสระ กล่าวว่า การเข้ามาของค้าปลีกค้าส่งนั้น มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ซึ่งข้อดีที่เห็นชัด คือ การดึงเทคโนโลยีและความรู้สมัยใหม่เข้ามาใช้ ส่ง ผลให้โชว์ห่วยเองก็จะต้องพัฒนาตามไปด้วย จุดเริ่มต้นของการค้าขาย ณ วันนี้ เมื่อมีการรุกเข้ามาของทุนใหญ่ ก็ต้องหาวิธีการตั้งรับ โดยใช้จุดแข็งที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์ เพราะการกีดกันทางการค้านั้นจะทำให้ผู้บริโภคเสียหาย และการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูแลการอนุญาตนั้นก็เหมือนกับเป็นการผูกขาด ก่อให้เกิดการคอรัปชั่นได้ ควรจะพิจารณาจากผู้บริโภคให้ถ่องแท้ และน่าจะมีหลังจากที่มีการเลือกตั้งแล้ว เพราะจะทำให้มีความละเอียดรอบคอบมากขึ้น
นายมีพาศน์ โปตระนันท์ อดีตกรรมการกฤษฎีกา กล่าวว่า ประเทศไทยนั้นต้องการอาชีพหลากหลาย ไม่เฉพาะค้าขายเท่านั้น แต่ยังมีอาชีพอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งเป็นที่รู้กันว่ากฎหมายนั้นเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก และเป็นผลเสียกับธุรกิจ เพราะฉะนั้นส่วนไหนที่ไม่มีก็อย่าให้มี หรือหากจะมีก็ให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด เพื่อให้เกิดการแข่งขันอย่างเสรี ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคได้ประโยชน์อย่างแท้จริง และที่สำคัญในการตรากฎหมายรัฐบาลก็จะต้องคำนึงถึงผู้บริโภคเป็นหลัก

ในขณะที่นายชวนะ เกียรติชวนะเสวี รองประธานหอการค้าจังหวัดภูเก็ต กล่าวโดยส่วนตัวนั้นก็ไม่ได้ขัดขวางการเข้ามาของค้าปลีกค้าส่ง แต่เมื่อมาแล้วก็จะต้องดูแลคนท้องถิ่นด้วย อุปมาเช่นเดียวกับการไปกินข้าวหรือพักอาศัยบ้านใครก็ต้องแทนคุณด้วย ดังนั้นก็ต้องยืนยันว่า ไม่เคยกีดขวางการลงทุน แต่ต้องอยู่ในกฎและกติกา เช่น การเสียภาษีให้ท้องถิ่นแทนการเสียภาษีรวมที่ส่วนกลาง เป็นต้น
ส่วนนายสุเมธี ทองเสมอ จากชุมชนสมากองสามัคคี ซึ่งเคยเปิดร้านโชว์ห่วยแต่อยู่ไม่ได้ โดยเลิกก่อนการเข้ามาของค้าปลีกค้าส่งขนาดใหญ่ กล่าวว่า อย่ามองเฉพาะด้านดีของโมเทรดเทรด แม้ว่าจะมีสินค้าราคาถูก แต่หากพิจาณณาให้ดีจะพบว่าไม่ถูกจริง เช่น เนื้อหมู ไก่ ปลา เป็นต้น ก็ไม่ทราบว่ามีการตรวจสอบคุณภาพหรือไม่ และบ่อยครั้งที่เจอว่ามีการนำของที่ใกล้หมดอายุมาจำหน่ายโดยการนำมาแปรรูป ซึ่งหากจะให้มีการลงทุนของค้าส่งค้าปลีกขนาดใหญ่นั้นก็น่าจะให้ออกไปไกลๆ เพื่อโชว์ห่วยที่มีสามารถอยู่ได้ แต่หากยังคงเป็นเช่นนี้ก็เชื่อว่าโชว์ห่วยตายหมดแน่ และเมื่อนั้นเชื่อว่าราคาสินค้าของค้าส่งค้าปลีกก็จะแพงขึ้นไปอีก
อย่างไร ก็ตามสิ่งที่อยากฝากกับรัฐบาลคือ ให้เข้ามาดูแลโชว์ห่วยบ้าง ไม่ใช่ปล่อยให้เขาต้องล้มหายตายจากไป ไม่ว่าจะเรื่องของเงินทุน หรือการให้ความรู้เพื่อเขาจะได้พัฒนาตัวเองให้อยู่รอดได้ นายสุเมธีกล่าว
โดย phuket