สำหรับทางด้านนายชวนะ เกียรติชวนะเสวี ที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจผู้ ตรวจการภาคประชา ชนฝั่งอันดามัน สำนักนายกฯและรองประธานหอการค้า จ.ภูเก็ต กล่าวถึงสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน ว่าในขณะเศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญกับแรงกดดันในหลายส่วนทั้งในส่วนของค่าเงิน และปัจจัยด้านการลงทุน ที่นักลงทุนทั่วโลกต่างชะลอการลงทุนออกไป โดยเฉพาะในกลุ่มสินทรัพย์ ธนาคาร พลังงานและธุรกิจประกันภัย รวมไปถึงปัจจัยของผู้บริโภคมีขาดความเชื่อมั่นอย่างหนักส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการด้านอุตสาหกรรมต่างๆ ที่ผลิตสินค้าส่งออกตามใบสั่งของต่างชาติ ในเวลานี้นักลงทุนต่างชาติ ได้ชะลอการสั่งสินค้าในหลายรายการ เนื่องจากต้องการลดการลงทุนและงบประมาณด้านการขยายธุรกิจลง เพื่อรอดูสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจ ที่ส่อเค้าว่าจะรุนแรงกว่าทุกๆปีที่ผ่านมา
จะเห็นได้ว่าในเวลานี้บริษัทอุตสาหกรรมต่างๆ ได้ทยอยปิดตัวลงอย่างต่อเนื่องหลังจากได้รับผลกระทบจากพิษค่าเงิน และซัพไพรม์ของสหรัฐ ทำให้ตลาดทุนต่างๆทั่วโลกมีการเทขายหุ้นออกมาอย่างมากมาย เช่นในตลาดทุนไทยในช่วงที่ผ่านมามีการเทขายของนักลงทุนต่างชาติมากกว่า 140,000 ล้านบาท ทำให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ทรุดหนักลงไปแตะในจุดต่ำสุดในรอบ 2 ปี หรือต่ำกว่า 400 จุด แต่การที่สัปดาห์ต่อมาในตลาดทุนมีการเข้ามาซื้อเพิ่มขึ้นนั้น คาดว่าจะเป็นในระยะสั้นๆเนื่องจากจะมีนักค้าเก็งกำไรเข้าไปช้อนซื้อหุ้นในหลายกลุ่มไว้เพื่อหวังเก็งกำไรในช่วงต่อๆไป แต่หากมีปัจจัยเสี่ยงเกิดขึ้นอีกในระยะต่อจากนี้ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของการแข็งค่าหรืออ่อนค่าลงของเงินสกุลต่างๆ เชื่อว่าจะมีแรงเทขายออกมาอีกเป็นระลอกๆโดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มธนาคาร พลังงานและอสังหาริมทรัพย์ ที่อาจจะได้รับผลกระทบเนื่องจากในเวลานี้ ธนาคารได้ชะลอการปล่อยเงินกู้ให้กับ ผู้ยื่นกู้เพื่อซื้อบ้านพักอาศัย รวมไปถึงการชะลอการปล่อยเงินกู้ให้กับกลุ่มผู้ประกอบการด้านอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากธนาคารพาณิชย์ต่างไม่มีความเชื่อมั่นกับ ภาวะการเงินในเวลานี้
ด้านการท่องเที่ยว นายชวนะ กล่าวว่าเวลานี้เป็นเวลาที่ดีที่รัฐบาลจะต้องหันกลับมาให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวเป็นหลักเนื่องจากการท่องเที่ยวทำรายได้อย่างมหาศาลเข้าสู่ประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มอันดามัน พังงา ภูเก็ต กระบี่ ที่มีสถานที่ท่องเที่ยวพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวอย่างมาก ทั้งอีกอย่างในพื้นที่มีความปลอดภัยสูง และไม่มีผลกระทบจากวิกฤติการการเมืองภายในประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรายได้เพียงจังหวัดเดียวอย่างภูเก็ตที่ทำรายได้มากกว่า 7.5 หมื่นล้านบาท/ปีเป็นรายได้มหาศาลที่รัฐจะต้องให้ความสำคัญ เราพยายามเรียกร้องรัฐบาลในหลายครั้งทั้งในส่วนของหอประชุมนานาชาติ รถไฟรางเบา การวางระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานต่างๆ ทั้งประปา ไฟฟ้า โทรคมนาคม เทคโน โลยีสารสนเทศ ที่จะรองรับการพัฒนาในอนาคต การพัฒนาจังหวัดภูเก็ตเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวทั้งในส่วนของ อควาเรี่ยม แหล่งช้อปปิ้ง การดำน้ำ หรือแม้แต่การท่องเที่ยวทางน้ำ หรืออาจะเป็นในส่วนของศูนย์กลางการบินที่จะเชื่อมต่อการบินในภูมิภาค เราร้องขอการขยายรันเวย์เพื่อรองรับเที่ยวบิน ชาร์เตอร์ไฟล์ท ซึ่งต่างกันออกไปกับจังหวัดอย่างเชียงใหม่ ในเวลานี้จังหวัดเชียงใหม่ มีศูนย์ประชุมนานาชาติ มีอควาเรี่ยม ทั้งที่จังหวัดเชียงใหม่ไม่มีพื้นที่ใดติดกับทะเลเลยแม้แต่น้อย ไม่มีที่พักตากอากาศที่ติดทะเล ไม่มีการท่องเที่ยวทางทะเล หรือจังหวัดเชียงใหม่คือฐานเสียงของรัฐบาล ความแตกต่างกันทางการเมืองตรงนี้ทำให้จังหวัดภูเก็ต ขาดงบประมาณในการท่องเที่ยวหลายอย่าง การท่องเที่ยวในภูมิภาคอันดามัน ไม่สามารถแข่งขันหรือช่วงชิงกันทางการตลาดที่นับวันประเทศคู่แข่งจะมีการพัฒนาศักยภาพเพิ่มสูงทุกวัน ตรงนี้เชื่อว่าในอนาคตอันใกล้การท่องเที่ยวในภูมิภาคอันดามัน จะชะลอการขยายตัวของธุรกิจด้านการบริการและการท่องเที่ยวลงไป ซึ่งจะส่งผลกระทบกับแรงจูงใจ และความพร้อมในการให้บริการ รายได้จากการท่องเที่ยวก็จะลดลงไปตามลำดับ และส่งผลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจทั้งในระดับภูมิภาค และประเทศ รัฐผลักดันงบประมาณ 4,000 พันล้านบาทให้กับภูเก็ต เป็นเงินเดือนของข้าราชการกว่า 2,000 ล้านบาทแล้ว ที่เหลือเพียงไม่ถึง 1,500 ล้านบาท ไม่เพียงต่อการบริหารจัดการของท้องถิ่น ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งต้องพึ่งพางบประมาณของท้องถิ่นเองในการพัฒนา แม้แต่เตาเผาขยะที่เราพยายามร้องของ รัฐบาลก็กลับไม่ให้ความสำคัญ ท้องถิ่นเองที่ต้องใช้งบประมาณของท้องที่ในการจัดการ และเดินหน้าโครงการ จึงขอฝากไปยังผู้ว่าฯในการเดินหน้าของบประมาณในการพัฒนาจังหวัดภูเก็ตตามแผนพัฒนาจังหวัด ที่หลายฝ่ายร่วมกันกำหนดยุทธศาสตร์ และฝากไปยังรัฐเร่งเดินหน้าโครงการเมกกะโปรเจค เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนเงินในระบบ นายชวนะยังกล่าวทิ้งท้ายว่าประชาชนท่านใดต้องการร้องเรียนหรือมีปัญหาใดกรุณาส่งข้อมูลมาที่ ตู้ป.ณ.88หรือ E mail: chawanak@gmail.com ยินดีที่จะช่วยเหลือและประสานงานไปยังผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี
|
